มองหาจุดด้อยของตนเอง
มองหาจุดเด่นของคนอื่น
"คนอื่นจะเป็นผู้บริหารระดับสูง ไม่ควรมองที่จุดด้อยของคนอื่น
แล้วมองแต่จุดเด่นของตัวเองเพราะว่าถ้าพยายามมองจุดด้อยของคนอื่น
ก็จะคิดว่าตัวเองเก่งอยู่ทุกครั้งไป จึงไม่ได้มีความพยายามปรับตัว
เราต้องมองจุดเด่นของคนอื่น แล้วหาทางใช้จุดเด่นของเขาให้เป็นประโยชน์
จึงสามารถทำงานใหญ่ได้"
ธนินท์ เจียรวนนท์
หากพูดถึงธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ชื่อแรกๆ ที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นธุรกิจในเครือบริษัทโภคภัณฑ์ หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของซีพี ซึ่งมีเจ้าสัวใหญ่ดีกรีมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเมืองไทยอย่างคุณธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นผู้คุมบังเหียนอยู่
คุณธนินท์ มีชื่อภาษาจีนว่า เจี่ยก๊กมิ้น เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน เขาเข้าเรียนชั้นประถมสึกษาที่โรงเรียนกินนอนในจังหวัดราชบุรี ก่อนจะไปเรียนต่อที่ประเทศจีน เพื่อฝึกทักษะทางภาษา และเรียนต่อที่ฮ่องกงเพื่อเรียนรู้เรื่องการค้าขาย จากนั้นจึงได้เริ่มทำงานครั้งแรกที่
ร้านเจริญโภคภัณฑ์ ในตำแหน่งพนักงานรับ-จ่ายเงินหรือแคชเชียร์
ต่อมา คุณธนินท์ได้เข้าทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์ค้าไข่แห่งประเทศไทย และ
บริษัท สหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด ตามลำดับ โดยเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานอยู่เป็นเวลา 3 ปี
ก่อนจะลาออกช่วยกิจการขายและผสมอาหารสัตว์ของที่บ้าน ซึ่งในขณะนั้นกำลังขาดคนและ
ประสบปัญหา
ในวันนั้น ซีพีเป็นเพียงบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ และยังขายเพียงอาหารสัตว์ แต่วันนี้ซีพีมีบริษัทในเครือมากมาย และกลายเป็นธุรกิจครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีทั้งธุรกิจอาหาร
ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจค้าปลีก ตลอดจนธุรกิจโทรคมนาคมและมัลติมีเดีย
เคล็ดไม่ลับในการยกระดับตัวเองของคุณธนินท์ คือ การมองหาจุดด้อยของตนเอง และมองหาจุดเด่นของคนอื่นนั่นเอง
คุณธนินท์ทำอย่างไรจึงสามารถต่อยอด และขยายกิจการในครอบครัวจนยิ่งใหญ่ดังเช่นทุกวันนี้ได้
ช่วงแรกที่คุณธนินท์ไปช่วยกิจการของที่บ้านนั้น ธุรกิจอาหารสัตว์กำลังมีปัญหา ตลาดอาหารสัตว์มีการแข่งขันสูงขึ้น มีการตัดราคา ตลอดจนการปลอมปนอาหารสัตว์ ทำให้ราคาอาหารสัตว์ตกต่ำลง
หากเป็นคุณ จะคิดแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
คุณธนินท์ในตอนนั้นอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้สำเร็จ แต่ยังสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้อีกด้วย
เขาแก้ปัญหาโดยการมองดูตัวเองก่อน และเลือกที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นแทนการตัดราคา หรือเล่นแง่เฉกเช่นคู่แข่งรายอื่นๆ
เขาลงมือปรับปรุงคุณภาพอาหารสัตว์ของตัวเอง โดยการนำนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญมาควบคุมดูและและพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ ก่อนจะบรรจุของออกวางจำหน่ายในรูปแบบอาหารสัตว์สำเร็จรูป แทนการขายวัตถุดิบอาหารสัตว์เพียงอย่างเดียวเช่นแต่ก่อน
เขาปรับเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรใหม่ที่มีคุณภาพในการผลิตที่ดีขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุด นอกจากนี้เขายังเพิ่มช่องทางการขายจากที่เคยมีร้านตั้งอยู่กับที่เพียงอย่างเดียว เป็นการนำเสนอสินค้าแก่ผู้เลี้ยงสัตว์โดยตรงถึงบ้าน ตลอดจนการพยายามเพิ่มความต้องการอาหารสัตว์ซีพีของชาวบ้าน ด้วยการจัดประกวดไก่เลี้ยงโดยไก่ที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ซีพีแล้วตัวใหญ่แข็งแรงที่สุด จะเป้นผู้ชนะเลิศ และได้รับรางวัลไป ซึ่งแนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ความต้องการอาหารสัตว์ซีพีของชาวบ้านเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยังทำให้พวกเขาได้รับรู้คุณภาพที่ดีเยี่ยมของอาหารสัตว์ซีพีอีกด้วย ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลยทีเดียว
แม้กิจการอาหารสัตว์ไปได้ด้วย แต่คุณธนินท์ยังคงไม่หยุดอยู่แค่่นั้น เขายังคงยึดหลัก
"มองจุดด้อยของตนเองก่อน" เพื่อพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เขาเล็งเห็นว่าวิธีการเลี้ยงไก่ ตลอดจนสายพันธุ์ไก่ที่มีอยู่ยังไม่ดีเท่าที่ควร จึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาวิธีเลี้ยงไก่แบบเป็นอุตสาหกรรม ในที่สุดด้วยการเจรจาของเขา บริษัทเจริญโภคภัณฑ์จึงได้ร่วมทุนกับบริษัทแม่ในอเมริกาเพื่อสร้างธุรกิจการเกษตรต่อเนื่องแบบครบวงจร เขานำไก่สายพันธุ์ดีจากอเมริกามาพัฒนาพันธุกรรมหให้เหมาะกับประเทศเขตร้อนอย่างเมืองไทย และจัดตั้งโครงการตามข้อตกลงขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยทางซีพีจะหาพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ไก่ให้ชาวบ้าน ตลอดจนอาหารสัตว์ ยารักษาโรค รวมทั้งให้คำแนะนำในการเลี้ยงไก่ด้วย แน่นอนว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี
ไม่เพียงแต่คุณธนินท์จะไม่ทะนง ยกหางตัวเองว่าเก่งกาจ และมีอำนาจเท่านั้น แต่เขายังรับฟังความคิดเห็นและยอมรับจุดเด่นของคนอื่นมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
ในโครงการฟาร์มข้อตกลงน้ัน คุณธนินท์ได้นำความรู้ในการเลี้ยงไก่มาจากการวิจัยร่วมกับทางอเมริกาส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วน ได้มาจากพูดคุยกับเกษตรกรผู้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงไก่มานาน คุณธนินท์ไม่มองที่ข้อด้อยของชาวบ้านที่เรียนน้อยกว่า แต่กล้บมองว่าชาวบ้านซึ่งเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่น่าจะคลุกคลีและมีประสบการณ์เกี่ยวกับไก่มากกว่า จึงรับฟังความคิดเห็นอย่างตั้งใจและนำมาพิสูจน์ เมื่อเห็นแล้วว่าได้ผลจริง จึงนำมาปรับใช้
เช่น การไล่ไก่ให้กระพือปีกทุกชั่วโมง เพื่อให้ไก่รู้สึกหิว ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ไก่ออกกำลังกายไปในตัว ส่งผลให้ไก่กินได้มาก และแข็งแรง โตไว ตลอดจนการใช้แสงไฟหลอกไก่ให้ออกไข่ได้ตลอดทั้งปี เป็นตัน ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ทำให้ไก่แข็งแรง โตไว และออกไข่ได้มากส่งผลให้ธุรกิจส่งออกไก่แช่แข็งของซีพีเติบโตขึ้น จนติดหนึ่งในห้าผู้ส่งออกไก่ของโลกเลยทีเดียว
หลังจากประสบความสำเร็จ และสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่กิจการครอบครัวได้แล้ว คุณธนินท์ยังคงยึดหลักเดิมในการพัฒนาตนเองเรื่อยมา จนสามารถขยายกิจการไปได้ทั่วโลก และแตกไลน์ธุรกิจออกหลายแขนง ทำให้บริษัทเครือเจริญโภคภัณพ์กลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่เขาก็ยังคงไม่หยุดมองหาจุดด้อยเพื่อปรับปรุงตนเอง และมองหาจุดเด่นของคนอื่นต่อไป เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่มีที่สินสุดขององค์กร
" มนุษย์เราทุกคนมีความสำเร็จอยู่ในตัวเอง
ทั้งนีัน ชีวิตคนทุกคนต้องมีจุดเด่นที่สามารถนำพา
ชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ
อย่าเป็นคนที่เหลิง หลงตัวเองว่าเก่ง
เพราะวันนี้เก่ง พรุ่งนี้อาจจะไม่เก่งก็ได้
อาจจะมีคนเก่งกว่าเราก็ได้ และ
ถ้าเราเหลิง จะมีแต่ถอยหลัง อย่าลืมว่า
โลกของเรามีแต่จะก้าวไปข้างหน้า "
ธนินท์ เจียรวนนท์
ตามรอย ตามรวย
The Billionaire IDOL พารวมย
เพทาย ยังเย็น
#วิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อยของตนเอง
มองหาจุดเด่นของคนอื่น
"คนอื่นจะเป็นผู้บริหารระดับสูง ไม่ควรมองที่จุดด้อยของคนอื่น
แล้วมองแต่จุดเด่นของตัวเองเพราะว่าถ้าพยายามมองจุดด้อยของคนอื่น
ก็จะคิดว่าตัวเองเก่งอยู่ทุกครั้งไป จึงไม่ได้มีความพยายามปรับตัว
เราต้องมองจุดเด่นของคนอื่น แล้วหาทางใช้จุดเด่นของเขาให้เป็นประโยชน์
จึงสามารถทำงานใหญ่ได้"
ธนินท์ เจียรวนนท์
หากพูดถึงธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ชื่อแรกๆ ที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นธุรกิจในเครือบริษัทโภคภัณฑ์ หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของซีพี ซึ่งมีเจ้าสัวใหญ่ดีกรีมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเมืองไทยอย่างคุณธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นผู้คุมบังเหียนอยู่
คุณธนินท์ มีชื่อภาษาจีนว่า เจี่ยก๊กมิ้น เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน เขาเข้าเรียนชั้นประถมสึกษาที่โรงเรียนกินนอนในจังหวัดราชบุรี ก่อนจะไปเรียนต่อที่ประเทศจีน เพื่อฝึกทักษะทางภาษา และเรียนต่อที่ฮ่องกงเพื่อเรียนรู้เรื่องการค้าขาย จากนั้นจึงได้เริ่มทำงานครั้งแรกที่
ร้านเจริญโภคภัณฑ์ ในตำแหน่งพนักงานรับ-จ่ายเงินหรือแคชเชียร์
ต่อมา คุณธนินท์ได้เข้าทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์ค้าไข่แห่งประเทศไทย และ
บริษัท สหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด ตามลำดับ โดยเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานอยู่เป็นเวลา 3 ปี
ก่อนจะลาออกช่วยกิจการขายและผสมอาหารสัตว์ของที่บ้าน ซึ่งในขณะนั้นกำลังขาดคนและ
ประสบปัญหา
ในวันนั้น ซีพีเป็นเพียงบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ และยังขายเพียงอาหารสัตว์ แต่วันนี้ซีพีมีบริษัทในเครือมากมาย และกลายเป็นธุรกิจครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีทั้งธุรกิจอาหาร
ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจค้าปลีก ตลอดจนธุรกิจโทรคมนาคมและมัลติมีเดีย
เคล็ดไม่ลับในการยกระดับตัวเองของคุณธนินท์ คือ การมองหาจุดด้อยของตนเอง และมองหาจุดเด่นของคนอื่นนั่นเอง
คุณธนินท์ทำอย่างไรจึงสามารถต่อยอด และขยายกิจการในครอบครัวจนยิ่งใหญ่ดังเช่นทุกวันนี้ได้
ช่วงแรกที่คุณธนินท์ไปช่วยกิจการของที่บ้านนั้น ธุรกิจอาหารสัตว์กำลังมีปัญหา ตลาดอาหารสัตว์มีการแข่งขันสูงขึ้น มีการตัดราคา ตลอดจนการปลอมปนอาหารสัตว์ ทำให้ราคาอาหารสัตว์ตกต่ำลง
หากเป็นคุณ จะคิดแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
คุณธนินท์ในตอนนั้นอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้สำเร็จ แต่ยังสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้อีกด้วย
เขาแก้ปัญหาโดยการมองดูตัวเองก่อน และเลือกที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นแทนการตัดราคา หรือเล่นแง่เฉกเช่นคู่แข่งรายอื่นๆ
เขาลงมือปรับปรุงคุณภาพอาหารสัตว์ของตัวเอง โดยการนำนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญมาควบคุมดูและและพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ ก่อนจะบรรจุของออกวางจำหน่ายในรูปแบบอาหารสัตว์สำเร็จรูป แทนการขายวัตถุดิบอาหารสัตว์เพียงอย่างเดียวเช่นแต่ก่อน
เขาปรับเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรใหม่ที่มีคุณภาพในการผลิตที่ดีขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุด นอกจากนี้เขายังเพิ่มช่องทางการขายจากที่เคยมีร้านตั้งอยู่กับที่เพียงอย่างเดียว เป็นการนำเสนอสินค้าแก่ผู้เลี้ยงสัตว์โดยตรงถึงบ้าน ตลอดจนการพยายามเพิ่มความต้องการอาหารสัตว์ซีพีของชาวบ้าน ด้วยการจัดประกวดไก่เลี้ยงโดยไก่ที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ซีพีแล้วตัวใหญ่แข็งแรงที่สุด จะเป้นผู้ชนะเลิศ และได้รับรางวัลไป ซึ่งแนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ความต้องการอาหารสัตว์ซีพีของชาวบ้านเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยังทำให้พวกเขาได้รับรู้คุณภาพที่ดีเยี่ยมของอาหารสัตว์ซีพีอีกด้วย ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลยทีเดียว
แม้กิจการอาหารสัตว์ไปได้ด้วย แต่คุณธนินท์ยังคงไม่หยุดอยู่แค่่นั้น เขายังคงยึดหลัก
"มองจุดด้อยของตนเองก่อน" เพื่อพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เขาเล็งเห็นว่าวิธีการเลี้ยงไก่ ตลอดจนสายพันธุ์ไก่ที่มีอยู่ยังไม่ดีเท่าที่ควร จึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาวิธีเลี้ยงไก่แบบเป็นอุตสาหกรรม ในที่สุดด้วยการเจรจาของเขา บริษัทเจริญโภคภัณฑ์จึงได้ร่วมทุนกับบริษัทแม่ในอเมริกาเพื่อสร้างธุรกิจการเกษตรต่อเนื่องแบบครบวงจร เขานำไก่สายพันธุ์ดีจากอเมริกามาพัฒนาพันธุกรรมหให้เหมาะกับประเทศเขตร้อนอย่างเมืองไทย และจัดตั้งโครงการตามข้อตกลงขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยทางซีพีจะหาพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ไก่ให้ชาวบ้าน ตลอดจนอาหารสัตว์ ยารักษาโรค รวมทั้งให้คำแนะนำในการเลี้ยงไก่ด้วย แน่นอนว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี
ไม่เพียงแต่คุณธนินท์จะไม่ทะนง ยกหางตัวเองว่าเก่งกาจ และมีอำนาจเท่านั้น แต่เขายังรับฟังความคิดเห็นและยอมรับจุดเด่นของคนอื่นมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
ในโครงการฟาร์มข้อตกลงน้ัน คุณธนินท์ได้นำความรู้ในการเลี้ยงไก่มาจากการวิจัยร่วมกับทางอเมริกาส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วน ได้มาจากพูดคุยกับเกษตรกรผู้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงไก่มานาน คุณธนินท์ไม่มองที่ข้อด้อยของชาวบ้านที่เรียนน้อยกว่า แต่กล้บมองว่าชาวบ้านซึ่งเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่น่าจะคลุกคลีและมีประสบการณ์เกี่ยวกับไก่มากกว่า จึงรับฟังความคิดเห็นอย่างตั้งใจและนำมาพิสูจน์ เมื่อเห็นแล้วว่าได้ผลจริง จึงนำมาปรับใช้
เช่น การไล่ไก่ให้กระพือปีกทุกชั่วโมง เพื่อให้ไก่รู้สึกหิว ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ไก่ออกกำลังกายไปในตัว ส่งผลให้ไก่กินได้มาก และแข็งแรง โตไว ตลอดจนการใช้แสงไฟหลอกไก่ให้ออกไข่ได้ตลอดทั้งปี เป็นตัน ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ทำให้ไก่แข็งแรง โตไว และออกไข่ได้มากส่งผลให้ธุรกิจส่งออกไก่แช่แข็งของซีพีเติบโตขึ้น จนติดหนึ่งในห้าผู้ส่งออกไก่ของโลกเลยทีเดียว
หลังจากประสบความสำเร็จ และสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่กิจการครอบครัวได้แล้ว คุณธนินท์ยังคงยึดหลักเดิมในการพัฒนาตนเองเรื่อยมา จนสามารถขยายกิจการไปได้ทั่วโลก และแตกไลน์ธุรกิจออกหลายแขนง ทำให้บริษัทเครือเจริญโภคภัณพ์กลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่เขาก็ยังคงไม่หยุดมองหาจุดด้อยเพื่อปรับปรุงตนเอง และมองหาจุดเด่นของคนอื่นต่อไป เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่มีที่สินสุดขององค์กร
" มนุษย์เราทุกคนมีความสำเร็จอยู่ในตัวเอง
ทั้งนีัน ชีวิตคนทุกคนต้องมีจุดเด่นที่สามารถนำพา
ชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ
อย่าเป็นคนที่เหลิง หลงตัวเองว่าเก่ง
เพราะวันนี้เก่ง พรุ่งนี้อาจจะไม่เก่งก็ได้
อาจจะมีคนเก่งกว่าเราก็ได้ และ
ถ้าเราเหลิง จะมีแต่ถอยหลัง อย่าลืมว่า
โลกของเรามีแต่จะก้าวไปข้างหน้า "
ธนินท์ เจียรวนนท์
ตามรอย ตามรวย
The Billionaire IDOL พารวมย
เพทาย ยังเย็น
#วิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อยของตนเอง
Comments
Post a Comment