เปิดมุมมองให้กว้าง สร้างอาวุธทางความคิด
"กบในกะลาครอบ" คำเปรียบเปรยของคนที่หลงคิดว่า ตัวเองคือคนที่มีความรู้มากแล้ว เก่งแล้ว ดีแล้ว ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงคน ๆ นั้นมีความรู้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เขาจึงไม่มีวันได้รับโอกาสใหม่ๆ ไม่มีการพัฒนาตัวเอง ไม่มีวันเจริญก้าวหน้าให้ดีขึ้นได้
กบที่อยู่แต่ในกะลา สักวันก็จะตายอยู่ในกะลาใบเดิม โลกใบเดิม
ในขณะที่กบตัวที่กล้าพอที่จะเดินออกจากกะลาออกไปสู่โลกภายนอก เพื่อเปิดมุมมองของตัวเองให้กว้างตามโลกที่นับวันก็ยิ่งกว้างขึ้นๆ อย่างไร้พรมแดน กบตัวนั้นจะได้เรียนรู้ และรู้จักแง่มุมอีกมากมายที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนในชีวิต ได้รับประสบการณ์มุมมองใหม่ๆ ได้รับโอกาสใหม่ๆ ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
คุณเลือกที่จะเป้นกบตัวไหน? ระหว่าง กบในกะลาครอบ หรือ กบตัวที่เลือกเดินออกจากกะลา
ถ้าคุณเลือกที่จะเป็นกบที่เดินออกจากกะลา นั่นแปลว่า คุณได้เริ่มสร้างโอกาสให้ตัวเองแล้ว
เมื่อเราก้าวเข้าสู่โลกกว้าง ถ้าอยากรวยก็ต้องมองทุกสิ่งให้กว้างตามโลกด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ จงอย่าให้สายตาแห่งการมองไกลหยุดนิ่ง เพราะเมื่อใดที่คุณหยุดที่จะมองให้รอบด้าน หยุดที่จะมองให้ไกลแล้ว เมื่อนั้นคือการปิดโอกาสที่จะสร้างความรวยให้ตัวเอง
ถ้าจะมองโลกให้กว้าง คิดง่ายๆ โลกกลมๆ ใบนี้มีกี่มุม เวลาที่เราจะมอง หรือคิดเรื่องใดก็จงมองและคิดให้รอบด้าน มองและคิดให้ครบทุกมุม อย่างมองแต่มุมของเราเอง ต้องรู้จักมองและคิดในมุมของคนอื่นด้วย
เป็นต้นว่า เราจะทำอาหารไทยขายชาวต่างชาติ ก็อย่าคิดแค่ว่าอาหารไทยต้องถึงเครื่อง รสชาติต้องจัดจ้าน ต้มยำต้องเปรี้ยวนำเผ็ดตาม ยำต้องเผ็ด ตามแบบไทยนิยม ถ้าจะทำอาหารไทยขายคนไทยก็ทำเลย อาหารไทยรสเข้ม แต่นี่ไม่ใช่ เราจะทำอาหารขายคนต่างชาติ ก็ต้องหัดมองในมุมของคนต่างชาติ บ้างว่า ธรรมชาติเขาทานอาหารรสชาติไหน มองในมุมของเขาแล้วติดอาวุธให้สมองคิดตาม นั่นคือเรามองเห็นแล้วว่า คนต่างชาติไม่ทานรสจัด สมองก็ต้องคิดให้ได้ว่า รสชาติของอาหารไทยที่ทำขายก็ต้องลดความจัดจ้านลง ให้เผ็ด เปรี้ยว ในระดับที่คนต่างชาติยอมรับว่ากำลังอร่อย
นี่คือตัวอย่างของการมองให้รอบด้าน และติดอาวุธให้สมองของตัวเอง และนี่แหละคือ ความรู้คู่รายได้อย่างแท้จริง
การมองให้รอบด้านคือ การมองจากตัวเราออกไปสู่โลกภายนอกในทุก ๆ มุมมอง และมองจากภายนอกกลับมาสู่ตัวเราในทุกๆ มุมมองด้วยเช่นกัน ที่สำคัญการมองรอบด้านไม่ได้อาศัยเฉพาะการใช้ตามองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราต้องเปิดโสตประสาทสัมผัสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เปิดใจ เปิดตา เปิดหู เปิดสมอง เปิดปาก และรู้จักสังเกตสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ประเด็นที่เรากำลังสนใจด้วย
สำคัญที่สุด คือห้ามหลงประเด็น และห้ามโลเลสองจิตสองใจเด็ดขาด ตั้งธงไว้ให้แม่นว่า อะไรคือเป้าหมายที่เรากำลังมองอยู่ในตอนนี้ แล้วมองให้กว้าง คิดตามให้ลึกและให้ไกล อย่าคิดใกล้ๆ เพราะอาวุธทางความคิด คือการคิดลึกและคิดไกล แล้วค่อยหาทางใหม่เมื่อมีเรื่องใหม่ๆ เข้ามา แบบนี้โอกาสที่มีหลุดลอยไปแน่ๆ
มองให้กว้างแล้วจงคิดตามในเชิงบวกเพื่อหาเหตุผลความน่าจะเป็น ห้ามเด็ดขาดที่จะทำตัวเป็นคนคิดลบ เพราะถ้าคิดแต่ในด้านลบก็จะเกิดความกลัวจนทำให้เกิดการปิดกั้นทางความคิดและการมอง คิดลบคิดได้แต่ต้องรู้จักคิด คือคิดลบเพื่อรู้ความเสี่ยงไว้หาทางป้องกัน ไม่ใช่คิดลบให้ใจกลัว
การติดอาวุธทางความคิด คือ การรู้จักคิดให้เป็น คิดให้เร็ว คิดให้ลึก คิดให้ไกล คิดให้รอบคอบ คิดให้ทันกับโอกาสที่เรารองเห็นเพื่อคว้าโอกาสนั้นไว้ ไม่ให้หลุดไป
ติดอาวุธทางความคิดให้พัฒนาไปข้างหน้าอยู่เสมอ ด้วยการเรียนรู้จากทุกสิ่ง เรียนรู้จากทั้งประสบการณ์ดีและร้ายที่ได้พบเจอ เพราะความคิดเป็นทักษะพื้นฐานที่เราสามารถเรียนรู้ฝึกฝน และพัฒนาผ่านกระบวนการทำงานของสมองจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ และนำมาประมวลวิเคราะห์ ถอดความ ตีความ เพื่อพิจารณาในการตอบสนองจิตใจ เพื่อความอยู่รอด เพื่อคิดสิ่งแปลกใหม่ เพื่อลดความสงสัยและช่วยแก้ปัญหา
เมื่อเราติดอาวุธให้ความคิดแล้วก็ต้องรู้จักลับสมองให้เฉียบคมด้วยการรู้จักฝึกคิดให้เป็นระบบ ระเบียบ จะได้มองเห็นความเป็นจริงได้เร็วขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น แก้ปัญหาได้เร็วและดีขึ้น และจะได้รู้จักวิธีคิด มองหาโอกาสได้เก่งขึ้นด้วย
การที่เราจะเปิดมุมมเองให้กว้าง สร้างอาวุธทางความคิด ได้ด้วยการหมั่นสังเกต วิเคราะห์ สิ่งที่เราเจอในชีวิตประจำวัน งานทีทำอยู่เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น อันไหนไม่ดีจะได้ปรับปรุง เปรียบเทียบกับคู่แข่งดูว่าอะไรที่เหนือหรือด้อยกว่าเรา ดูจากคนที่ประสบความสำเร็จว่าทำอย่างไรบ้าง ทำด้วยความรู้สึกดี สนุกที่อยากทำ ถ้ารู้สึกเคร่งเครียดเกินไป ก็ปล่อยวางพักผ่อนก่อน เพื่อให้สมองปลอดโปร่งค่อยกลับมาทำต่อ
มองเป็นเห็นโอกาสรวย
ศริยา ตั้งโฉลก
"กบในกะลาครอบ" คำเปรียบเปรยของคนที่หลงคิดว่า ตัวเองคือคนที่มีความรู้มากแล้ว เก่งแล้ว ดีแล้ว ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงคน ๆ นั้นมีความรู้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เขาจึงไม่มีวันได้รับโอกาสใหม่ๆ ไม่มีการพัฒนาตัวเอง ไม่มีวันเจริญก้าวหน้าให้ดีขึ้นได้
กบที่อยู่แต่ในกะลา สักวันก็จะตายอยู่ในกะลาใบเดิม โลกใบเดิม
ในขณะที่กบตัวที่กล้าพอที่จะเดินออกจากกะลาออกไปสู่โลกภายนอก เพื่อเปิดมุมมองของตัวเองให้กว้างตามโลกที่นับวันก็ยิ่งกว้างขึ้นๆ อย่างไร้พรมแดน กบตัวนั้นจะได้เรียนรู้ และรู้จักแง่มุมอีกมากมายที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนในชีวิต ได้รับประสบการณ์มุมมองใหม่ๆ ได้รับโอกาสใหม่ๆ ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
คุณเลือกที่จะเป้นกบตัวไหน? ระหว่าง กบในกะลาครอบ หรือ กบตัวที่เลือกเดินออกจากกะลา
ถ้าคุณเลือกที่จะเป็นกบที่เดินออกจากกะลา นั่นแปลว่า คุณได้เริ่มสร้างโอกาสให้ตัวเองแล้ว
เมื่อเราก้าวเข้าสู่โลกกว้าง ถ้าอยากรวยก็ต้องมองทุกสิ่งให้กว้างตามโลกด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ จงอย่าให้สายตาแห่งการมองไกลหยุดนิ่ง เพราะเมื่อใดที่คุณหยุดที่จะมองให้รอบด้าน หยุดที่จะมองให้ไกลแล้ว เมื่อนั้นคือการปิดโอกาสที่จะสร้างความรวยให้ตัวเอง
ถ้าจะมองโลกให้กว้าง คิดง่ายๆ โลกกลมๆ ใบนี้มีกี่มุม เวลาที่เราจะมอง หรือคิดเรื่องใดก็จงมองและคิดให้รอบด้าน มองและคิดให้ครบทุกมุม อย่างมองแต่มุมของเราเอง ต้องรู้จักมองและคิดในมุมของคนอื่นด้วย
เป็นต้นว่า เราจะทำอาหารไทยขายชาวต่างชาติ ก็อย่าคิดแค่ว่าอาหารไทยต้องถึงเครื่อง รสชาติต้องจัดจ้าน ต้มยำต้องเปรี้ยวนำเผ็ดตาม ยำต้องเผ็ด ตามแบบไทยนิยม ถ้าจะทำอาหารไทยขายคนไทยก็ทำเลย อาหารไทยรสเข้ม แต่นี่ไม่ใช่ เราจะทำอาหารขายคนต่างชาติ ก็ต้องหัดมองในมุมของคนต่างชาติ บ้างว่า ธรรมชาติเขาทานอาหารรสชาติไหน มองในมุมของเขาแล้วติดอาวุธให้สมองคิดตาม นั่นคือเรามองเห็นแล้วว่า คนต่างชาติไม่ทานรสจัด สมองก็ต้องคิดให้ได้ว่า รสชาติของอาหารไทยที่ทำขายก็ต้องลดความจัดจ้านลง ให้เผ็ด เปรี้ยว ในระดับที่คนต่างชาติยอมรับว่ากำลังอร่อย
นี่คือตัวอย่างของการมองให้รอบด้าน และติดอาวุธให้สมองของตัวเอง และนี่แหละคือ ความรู้คู่รายได้อย่างแท้จริง
การมองให้รอบด้านคือ การมองจากตัวเราออกไปสู่โลกภายนอกในทุก ๆ มุมมอง และมองจากภายนอกกลับมาสู่ตัวเราในทุกๆ มุมมองด้วยเช่นกัน ที่สำคัญการมองรอบด้านไม่ได้อาศัยเฉพาะการใช้ตามองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราต้องเปิดโสตประสาทสัมผัสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เปิดใจ เปิดตา เปิดหู เปิดสมอง เปิดปาก และรู้จักสังเกตสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ประเด็นที่เรากำลังสนใจด้วย
สำคัญที่สุด คือห้ามหลงประเด็น และห้ามโลเลสองจิตสองใจเด็ดขาด ตั้งธงไว้ให้แม่นว่า อะไรคือเป้าหมายที่เรากำลังมองอยู่ในตอนนี้ แล้วมองให้กว้าง คิดตามให้ลึกและให้ไกล อย่าคิดใกล้ๆ เพราะอาวุธทางความคิด คือการคิดลึกและคิดไกล แล้วค่อยหาทางใหม่เมื่อมีเรื่องใหม่ๆ เข้ามา แบบนี้โอกาสที่มีหลุดลอยไปแน่ๆ
มองให้กว้างแล้วจงคิดตามในเชิงบวกเพื่อหาเหตุผลความน่าจะเป็น ห้ามเด็ดขาดที่จะทำตัวเป็นคนคิดลบ เพราะถ้าคิดแต่ในด้านลบก็จะเกิดความกลัวจนทำให้เกิดการปิดกั้นทางความคิดและการมอง คิดลบคิดได้แต่ต้องรู้จักคิด คือคิดลบเพื่อรู้ความเสี่ยงไว้หาทางป้องกัน ไม่ใช่คิดลบให้ใจกลัว
การติดอาวุธทางความคิด คือ การรู้จักคิดให้เป็น คิดให้เร็ว คิดให้ลึก คิดให้ไกล คิดให้รอบคอบ คิดให้ทันกับโอกาสที่เรารองเห็นเพื่อคว้าโอกาสนั้นไว้ ไม่ให้หลุดไป
ติดอาวุธทางความคิดให้พัฒนาไปข้างหน้าอยู่เสมอ ด้วยการเรียนรู้จากทุกสิ่ง เรียนรู้จากทั้งประสบการณ์ดีและร้ายที่ได้พบเจอ เพราะความคิดเป็นทักษะพื้นฐานที่เราสามารถเรียนรู้ฝึกฝน และพัฒนาผ่านกระบวนการทำงานของสมองจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ และนำมาประมวลวิเคราะห์ ถอดความ ตีความ เพื่อพิจารณาในการตอบสนองจิตใจ เพื่อความอยู่รอด เพื่อคิดสิ่งแปลกใหม่ เพื่อลดความสงสัยและช่วยแก้ปัญหา
เมื่อเราติดอาวุธให้ความคิดแล้วก็ต้องรู้จักลับสมองให้เฉียบคมด้วยการรู้จักฝึกคิดให้เป็นระบบ ระเบียบ จะได้มองเห็นความเป็นจริงได้เร็วขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น แก้ปัญหาได้เร็วและดีขึ้น และจะได้รู้จักวิธีคิด มองหาโอกาสได้เก่งขึ้นด้วย
การที่เราจะเปิดมุมมเองให้กว้าง สร้างอาวุธทางความคิด ได้ด้วยการหมั่นสังเกต วิเคราะห์ สิ่งที่เราเจอในชีวิตประจำวัน งานทีทำอยู่เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น อันไหนไม่ดีจะได้ปรับปรุง เปรียบเทียบกับคู่แข่งดูว่าอะไรที่เหนือหรือด้อยกว่าเรา ดูจากคนที่ประสบความสำเร็จว่าทำอย่างไรบ้าง ทำด้วยความรู้สึกดี สนุกที่อยากทำ ถ้ารู้สึกเคร่งเครียดเกินไป ก็ปล่อยวางพักผ่อนก่อน เพื่อให้สมองปลอดโปร่งค่อยกลับมาทำต่อ
มองเป็นเห็นโอกาสรวย
ศริยา ตั้งโฉลก
#เปิดมุมมองให้กว้าง #สร้างอาวุธทางความคิด
Comments
Post a Comment